



เทรนด์การทำงาน 4 อย่างในปี 2023 ที่ต้องตามให้ทันเพื่อสร้างองค์กรแห่งความสุข
ธุรกิจทุกขนาดต้องไล่ตามเทรนด์การทำงานล่าสุดให้ทันเพื่อให้แข่งขันกับธุรกิจอื่นได้และเพื่อให้มั่นใจว่า ธุรกิจของตนจะมีประสิทธิภาพ ระดับผลผลิต และความพึงพอใจของพนักงานสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ล้ำ ๆ ที่นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ บริหารจัดการปัญหาที่เห็นได้ชัด และใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะเป็นผู้นำเทรนด์ ต่อไปนี้คือ เทรนด์การทำงานสี่ อย่างที่คุณควรทราบในปี 2023 เพื่อให้คุณสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีและมีองค์กรแห่งความสุขให้ทีมงานในธุรกิจคุณได้ 1. การจัดให้ทำงานแบบทางไกลและแบบผสม การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการดำเนินงานของธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงเปลี่ยนโครงสร้างพนักงาน บริษัทต่าง ๆ ต้องเตรียมพร้อมที่จะรองรับรูปแบบการทำงานแบบผสมระหว่างการทำงานจากบ้านกับการทำงานที่สำนักงานหากบริษัทเหล่านั้นต้องการดึงดูดและรักษาพนักงานเก่ง ๆ เอาไว้ โดยความต้องการในรูปแบบการทำงานทั้งสองแบบจะคงอยู่ต่อไปแม้ว่าโรคระบาดจะหมดไปในอีกไม่กี่ปี นายจ้างควรตรวจสอบให้มั่นใจว่า นโยบายและหลักปฏิบัติที่มีความยืดหยุ่นถูกออกแบบมาเพื่อให้ตรงความต้องการของพนักงานที่มีความหลากหลายในสถานที่ทำงาน รวมไปถึงพนักงานที่มีบุตรหรือความรับผิดชอบอื่น ๆ ที่ทำให้การเข้าทำงานแบบดั้งเดิมในสำนักงานเป็นเรื่องที่ยากกว่าสำหรับพวกเขา 2. การสอดส่องในสถานที่ทำงานสำหรับพนักงานที่กระจายตัวอยู่หลายแห่ง ด้วยความที่จำนวนพนักงานที่ทำงานจากทางไกลและที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นายจ้างจึงต้องพิจารณาผลกระทบในทางจริยธรรมที่อาจเกิดขึ้นได้จากการสอดส่องในสถานที่ทำงาน การสอดส่องในสถานที่ทำงานเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการสร้างความมั่นใจว่า ผลลัพธ์และการควบคุมคุณภาพกำลังเป็นไปตามเป้าและอยู่ในระดับที่ต้องการ รวมถึงยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและอิสรภาพส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล กุญแจสำคัญคือ การหาจุดสมดุลระหว่างสองเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ได้มาซึ่งสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ก็เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการสอดส่องดูแลความเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับปกป้องสิทธิของพนักงานไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น นายจ้างสามารถใช้แพลตฟอร์มที่ปลอดภัยบนคลาวด์เพื่อสอดส่องกิจกรรมของพนักงานได้อย่างง่ายดาย