
ออฟฟิศ 2.0: การดีไซน์พื้นที่ทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ตีพิมพ์ในเว็บไซต์:
อัตราการเติบโตของข้อมูล (data) ทั่วโลกนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และเราเองก็ไม่สามารถปฏิเสธผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของข้อมูลนั้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงด้านการสื่อสาร นำทาง ท่องเที่ยว จับจ่าย ซื้อของ หรือแม้กระทั่งการทำงานของเราทุกคน ผลการรายงานเอกสารปกขาวของ IDC whitepaper คาดประมาณว่าภายในปี 2568 ร้อยละ 75 ของประชากรในโลกจะมีปฏิสัมพันธ์กับข้อมูลต่างๆ แบบเป็นรายวัน เราจะรู้สึกได้มากขึ้นถึงคุณค่าของข้อมูลในที่ทำงาน เพราะออฟฟิศจะถูกพัฒนาความสามารถด้านดิจิทัลและเปลี่ยนถ่ายไปสู่การเป็น “ออฟฟิศอัจฉริยะ” (smart offices) ข้อมูลจะเผยให้เห็นถึงรายละเอียดเชิงลึกที่นำไปสู่การออกแบบออฟฟิศที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาประสบการณ์การใช้งานโดยทั่วไป ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้พนักงานทุกคนในที่สุด
หลายบริษัทได้ตระหนักมากขึ้นถึงความสำคัญของออฟฟิศว่าเป็นศูนย์รวมพนักงาน หล่อหลอมชุมชนที่แข็งแกร่ง และมอบเครื่องมือและทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงนำไปสู่การพัฒนาด้านข้อมูลและเทคโนโลยีอย่าง “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial Intelligence) และ “อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง” (Internet of Things – IoT) เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อมนุษย์ให้เข้ากับพื้นที่ทำงาน
ในขณะที่ออฟฟิศแบบดั้งเดิมเริ่มใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น พื้นที่ทำงานแบบโคเวิร์กกิ้งซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่บริษัทและองค์กรขนาดใหญ่ได้พัฒนาเทคโนโลยีไปอีกขั้นแล้ว Colliers บริษัทตัวแทนการจัดซื้อหรือให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ กล่าวว่าพื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่นในสิงคโปร์ยังคงเติบโตเชิงบวก และมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นถึงเกือบสามเท่าในปี 2558 โดย จัสโค ซึ่งเป็นผู้นำให้บริการพื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่นตั้งสัดส่วนการเติบโตของลูกค้าประเภทองค์กรสูงขึ้นถึงร้อยละ 60 ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า
ปฏิวัติการออกแบบพื้นที่ทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ข้อมูลคือกุญแจไขสู่การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลสู่พื้นที่ทำงานที่อัจฉริยะขึ้นและใช้งานได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน ในอาคารสำนักงานที่มีพื้นที่โคเวิร์กกิ้งเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเรื่อง “อนาคตของการทำงาน” (Future of Work) คือ จัสโคสาขา Marina One โดย จัสโคร่วมมือกับ Aruba บริษัทในเครือของ Hewett Packard ยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อสร้างพื้นที่ทำงานอัจฉริยะด้วยดิจิทัล ซึ่งถือเป็นพื้นที่ทำงานแนวใหม่ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความร่วมมือ ความคล่องตัว และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นในหมู่สมาชิก
การศึกษาของ Aruba ยังเผยว่าร้อยละ 73 ของคนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการทำงาน และร้อยละ 70 พัฒนาความร่วมมือในการทำงานดีขึ้น เมื่อได้ทำงานในพื้นที่ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงมีธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจำนวนมากที่เสาะหาทางออกด้านพื้นที่ทำงานที่สามารถขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีโดยปราศจากความกังวลเรื่องความยุ่งยากหรือค่าใช้จ่ายเรื่องสภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยี
การอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่และสังคม (spatial and social analytics) ทำให้จัสโคสามารถเจาะและเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนของสมาชิกจากการใช้พื้นที่ทำงาน และเข้าใจถึงพฤติกรรมการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น โดยบริษัทสามารถวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานจากพื้นที่ส่วนต่างๆ ตามการแสดงค่าทางภูมิศาสตร์ เช่น จากแผนที่แสดงสีจากอุณหภูมิ (heat map) และฮิสโตแกรม (histogram) หรือกราฟแท่งแบบเฉพาะที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเป็นหมวดหมู่ เพื่อศึกษาดูว่าพื้นที่ส่วนใดได้รับความนิยมสูง และส่วนใดที่มีการใช้ประโยชน์น้อย ซึ่งผลของข้อมูลจะทำให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว จากการสำรวจ Senion survey พบว่า พนักงานประมาณร้อยละ 60 ใช้เวลาเกินความจำเป็นในการหาห้องประชุมว่าง ซึ่งเราสามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าหากนำการวิเคราะห์ข้อมูลมาประยุกต์ใช้
แอพลิเคชั่นบนมือถือของจัสโค ถือเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่อำนวยความสะดวกให้สมาชิกด้วยฟีเจอร์ต่างๆ รวมถึงโอกาสในการเชื่อมต่อกัน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ข้อมูลมาพัฒนาประสบการณ์การใช้พื้นที่ทำงานให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม สมาชิกไม่เพียงแต่สามารถจองประชุม แต่ยังสามารถค้นหาห้องประชุมที่ใกล้ที่สุดที่ยังว่างอยู่ หรือหาโต๊ะทำงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในสาขาที่สมาชิกอยู่ ผ่านแผนที่ในแอพฯ
ทั้งหมดนี้เกิดมาจากจุดสำคัญเดียวคือ คือ การดีไซน์พื้นที่ทำงานที่สามารถสร้างผลกระทบต่อประสบการณ์ในการทำงานของพนักงาน และยังสามารถสร้างความแตกต่างได้เมื่อบริษัทหรือองค์กรต้องการดึงดูดหรือรักษาพนักงานให้อยู่กับธุรกิจ
การสร้างการเชื่อมต่อ
ถึงแม้จะมีบริษัทจำนวนมากที่มอบความยืดหยุ่นให้พนักงานด้วยการทำงานจากที่บ้านได้ แต่ประโยชน์ข้อหนึ่งของการมาทำงานที่ออฟฟิศคือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและสร้างความรู้สึกที่เป็นชุมชนร่วมกัน และเทคโนโลยีก็คือสิ่งที่ช่วยหลอมรวมการสื่อสารและสร้างประสิทธิภาพสำหรับการเชื่อมต่อนั่นเอง
จัสโคพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการอาศัยเครื่องมืออัจฉริยะเพื่อให้เข้าใจถึงการมีปฏิสัมพันธ์กันในสาขาหรือในระหว่างกิจกรรมสานสัมพันธ์ต่างๆ นอกจากการสร้างพื้นที่ทำงานแบบร่วมกัน และจัดงานต่างๆ ให้สมาชิกแล้ว เรายังใช้การวิเคราะห์เชิงพื้นที่และสังคมเพื่อเข้าใจถึงข้อมูลเชิงลึกอีกด้วย และยังนำข้อมูลไปใช้ในการออกแบบพื้นที่ให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก นำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์งานหรือคิดค้นนวัตกรรมในที่สุด แอพลิเคชั่นของจัสโคและ Just Connect แพลตฟอร์มจะช่วยให้สมาชิกสามารถเชื่อมต่อกัน
อย่างไร้รอยสะดุด เพื่อร่วมทำงานในโครงการใหม่ๆ ทดลองผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ เพียงผ่านเน็ตเวิร์คที่เรามอบให้นี้
เมื่อเทคโนโลยีเริ่มพัฒนาขึ้นและความคาดหวังของพนักงานได้เปลี่ยนแปลงไป พื้นที่ทำงานก็จะเริ่มมีวิวัฒนาการตามไปด้วย อนาคตของพื้นที่ทำงานแนวใหม่จึงถูกออกแบบมาจากความต้องการใช้งานของผู้ใช้ ผนวกกับข้อมูลที่ถูกต้องในการให้ข้อมูลเชิงลึก การวิเคราะห์ข้อมูลจะทำให้ธุรกิจในปัจจุบันสามารถสรรหาเครื่องมือ การบริการ และพื้นที่ที่ตรงความต้องการ นำไปสู่ประสิทธิภาพ ความสร้างสรรค์ และการร่วมมือในการทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเกิดผลกระทบเชิงบวกให้ธุรกิจในระดับพื้นฐานในที่สุด